Labour rights in Thai
- วีดีโอ
- ข้อแนะนำสำหรับสัญญาจ้างงานแบบสั้น ๆ
- ความหมายของสัญญาจ้างงาน
- สัญญาจ้างงานควรมีรายละเอียดอย่างไร ?
- ประเภทของสัญญาจ้างงาน
- การปลดพนักงานหรือการเลิกจ้าง
- สัญญาการจ้างงาน และแรงงานที่เป็นชาวต่างชาติ
สัญญาการจ้างงานมีความสำคัญมากในการจ้างงาน ซึ่งในรายละเอียดจะเป็นข้อตกลงระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง โดยลูกจ้างจะต้องทำงานให้นายจ้างเพื่อตอบแทนการจ่ายค่าจ้าง
ในประเทศไอซ์แลนด์สัญญาจ้างงานระหว่างนายจ้างและลูกจ้างมีสองแบบคือทำเป็นลายลักษณ์อักษร หรือจ้างแบบไม่ทำเอกสารจ้างปากเปล่า แต่ส่วนใหญ่มักจะจัดทำเป็นเอกสารลายลัษณ์อักษร โดยในสัญญาจะกำหนดบทบาทหน้าที่และสิทธิอื่น ๆ อย่างครอบคลุมเพื่อเป็นหลักฐานอ้างอิง อย่างไรก็ตามการทำสัญญาจ้างงานที่เป็นลายลักษณ์อักษรย่อมดีกว่าเสมอ
สัญญาจ้างงานจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อสัญญาจ้างงานนั้นไม่ถูกต้องตามกฏหมาย และอาจเกิดขึ้นได้เมื่อนายจ้างตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียวที่จะบอกเลิกสัญญาจ้างไม่ว่าจะมีเหตุผลหรือไม่ก็ตาม หรือการที่ลูกจ้างจะยกเลิกสัญญาการจ้างงานนั้นเอง ซึ่งหมายความว่าภาระผูกพันและสิทธิต่าง ๆ ที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้จะถือเป็นโมฆะ การสิ้นสุดสัญญาจ้างงานต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งจะต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าภายในเวลาอย่างน้อยสองเดือน
"การมีสัญญาจ้างงาน หมายถึง การมีสิทธิ มีบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบตามสัญญาและเงื่อนไขทั้งหมดที่ทำไว้ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง"
การมีสัญญาจ้างจะช่วยให้ลูกจ้างได้รับการยืนยันจากนายจ้างเกี่ยวกับบทบาทและภาระหน้าที่ในบริษัท เช่น เงินเดือน วันหยุดพักร้อน ค่าทำงานล่วงเวลาโอที และอื่น ๆ ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่นายจ้างต้องปฏิบัติตามสัญญาจ้างงานนั้นอย่างเคร่งครัด
เนื่องจากสัญญาจ้างงานในประเทศไอซ์แลนด์ไม่ได้มีกำหนดแบบแผนตายตัว จึงไม่มีกฎพิเศษเกี่ยวกับสิ่งที่ควรระบุไว้ในสัญญาจ้าง อย่างไรก็ตามสัญญาจ้างส่วนใหญ่มีรายละเอียดดังนี้
- ชื่อและที่อยู่ของนายจ้างและลูกจ้าง
- วันเริ่มต้นและระยะเวลาของการจ้างงาน
- ประเภทของงานและรายละเอียดของงาน
- สถานที่ทำงาน
- เงินเดือนค่าแรงขั้นต่ำและเงินทำงานล่วงเวลาโอที
- วันธรรมดาและวันหยุด
- กำหนดเวลาวันสิ้นสุดการจ้างงาน
- อ้างอิงถึงข้อตกลงค่าจ้างในปัจจุบัน
- กองทุนบำเหน็จบำนาญ
- สหภาพแรงงาน
หากในเอกสารสัญญาจ้างไม่ระบุเงินเดือนค่าจ้างขั้นต่ำจะถือว่าเป็นสัญญาจ้างที่ไม่ถูกต้องแม้ว่าจะได้รับการลงนามโดยพนักงานแล้วก็ตาม
หากต้องการดูรายละเอียดเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำของลูกจ้างทั่วไป คุณสามารถติดต่อหรือดูข้อมูลได้จากเว็บไซต์สหภาพแรงงาน - โดยดูข้อมูลในหัวข้อเกี่ยวกับข้อตกลงเรื่องค่าจ้างแรงงาน
มีสัญญาการจ้างงานหลายประเภทที่ลูกจ้างและนายจ้างควรทราบ เนื่องจากในสัญญาจะอธิบายถึงความสัมพันธ์ในการจ้างงานที่จะบ่งบอกได้ว่าเป็นสัญญาจ้างงานประเภทใด
สัญญาจ้างงาน มี 2 ประเภท
สัญญาจ้างงานแบบถาวร มีไว้สำหรับพนักงานที่ทำงานตามเวลาปกติหรือลูกจ้างประจำ ซึ่งจะต้องได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือนหรือชั่วโมง โดยคำนวณค่าจ้างจากจำนวนชั่วโมงทำงาน สัญญาจ้างงานแบบถาวรนี้จะมีผลบังคับใช้จนกว่าการจ้างงานจากนายจ้างหรือลูกจ้างจะสิ้นสุดลง ตามสัญญานี้พนักงานต้องได้รับสิทธิในการจ้างงานอย่างครบถ้วนทุกประการ และจะต้องทำงานประมาณ 35 ชั่วโมงขึ้นไปต่อสัปดาห์
สัญญาจ้างงานแบบพนักงานชั่วคราว หรือพนักงานพาร์ทไทม์ลูกจ้างชั่วคราว มีสิทธิคล้ายกับลูกจ้างงานประจำแต่จะคิดค่าจ้างจากจำนวนชั่วโมงการทำงานหรือชั่วโมงทำงานล่วงเวลาโอที สัญญาจ้างงานชั่วคราวนี้เป็นสัญญาที่ต้องกำหนดวันเริ่มต้นและวันที่สิ้นสุดไว้ล่วงหน้า เช่น จ้างงานครึ่งปีหรือหนึ่งปี พนักงานชั่วคราวจะได้รับความคุ้มครองและมีสิทธิเช่นเดียวกับลูกจ้างประจำ
สัญญาจ้างสำหรับเด็กฝึกงานและนักศึกษา
มีไว้เพื่อบันทึกเวลาทำงานในระหว่างการฝึกงานหรือฝึกอบรมจากบริษัท
ข้อมูลและสิทธิที่ควรรู้หากถูกเลิกจ้างหรือไล่ออก หรือต้องการลาออก
กฎสำหรับการเลิกจ้างจะแตกต่างกันไปตามสหภาพแรงงานต่าง ๆ ดังนั้นลูกจ้างจึงจำเป็นต้องตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องสิทธิและต่อรองเงื่อนไขต่าง ๆ ของข้อตกลงการเจรจา
กฎของการเลิกจ้างทั้งหมดต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษร และสิ่งสำคัญที่สุดคือวัน เดือน ปี และมีข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุการเลิกจ้างอย่างชัดเจน
ลูกจ้างมีสิทธิ์สอบถามนายจ้างเกี่ยวกับสาเหตุของการเลิกจ้าง ซึ่งจะต้องทำได้ภายใน 4 วันหลังจากได้รับแจ้งการเลิกจ้าง
นายจ้างต้องจ่ายเงินโบนัสสำหรับเดือนธันวาคม(เงินคริสมาส) และเงินวันหยุดพักร้อนตามเวลาที่พนักงานทำงานให้กับบริษัท
สหภาพแรงงานที่ใหญ่ที่สุดมีสองแห่ง โดยสามารถค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ได้ เช่น เงินเกษียน และอื่น ๆ
แวปไซด์:VR https://www.vr.is/en/employment-terms/notice-period-for-termination/
แวปไซด์ : Efling https://efling.is/uppsagnarfrestur-skv-samningi-eflingar-og-sa/?lang=th
สำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการตรวจสอบว่าสิทธิในอาชีพของตนนั้นถูกต้องตามกฏหมายแรงงานในประเทศไอซ์แลนด์หรือไม่ ถ้าหากไม่ คุณจะสามารถแก้ไขและทำให้ถูกต้องได้อย่างไร ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ในเว็บไซต์สหภาพแรงงาน
ดูข้อมูลเรื่องใบรับรองการศึกษาจากประเทศของคุณได้จากแวปไซต์ENICNARIC ÍSLAND - ENIC/NARIC Island
สิ่งสำคัญสำหรับแรงงานชาวต่างชาติที่จะต้องทราบ คือ หากคุณมาจากประเทศนอกเขตEES จะต้องได้รับใบอนุญาตทำงานก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงานในประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งการขอใบอนุญาตทำงานนั้นคุณจะต้องออกจากประเทศไอซ์แลนด์ก่อนและรอจนกว่าจะได้รับใบอนุญาต
ใบอนุญาตทำงานและใบอนุญาติอยู่อาศัยจะออกให้โดยกองตรวจคนเข้าเมือง
ดูรายละเอียดได้ในแวปไซต์www.utl.is www.vmst.is
ในกรณีพิเศษสำหรับแรงงานชาวต่างชาติที่สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาต ซึ่งจะต้องเป็นกรณีทำงานชั่วคราวเท่านั้น และเวลาทำงานต้องน้อยกว่า 90 วันต่อปี โดยนายจ้างจะต้องแจ้งให้กรมแรงงานในประเทศไอซ์แลนด์ทราบก่อน
- วีดีโอ
- ประกันสุขภาพและสาธารณสุขในประเทศไอซ์แลนด์
- ขอบเขตของระบบประกันสุขภาพ
- ประกันสุขภาพคุ้มครองอะไรบ้าง
- บริษัทประสุขภาพเอกชนและแรงงานชาวต่างชาติ
- เงินช่วยเหลือรายวันสำหรับการเจ็บป่วยหรือเบี้ยเลี้ยงรายวันคนป่วย
- เงินช่วยเหลือคนว่างงานหรือเงินตกงาน จะหาข้อมูลได้จากไหน
- ความช่วยเหลือทางสังคมและการเงิน
- ชาวต่างชาติสามารถรับความช่วยเหลือทางการเงินและสังคมได้หรือไม่?
สถานีอนามัยทุกแห่งในประเทศไอซ์แลนด์และกรมประกันสุขภาพแห่งชาติไอซ์แลนด์มีหน้าที่ให้บริการด้านสุขภาพแก่ประชาชนทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไอซ์แลนด์ หมายความว่าบุคคลนั้นจะต้องมีหมายเลขประจำตัวและอาศัยอยู่ในทะเบียนบ้านอย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นเวลา 6 เดือนขึ้นไป จึงจะได้รับสิทธิความคุ้มครองประกันสุขภาพโดยอัตโนมัติ
ลูกจ้างชั่วคราวที่มาจากประเทศเขต EES ควรมีบัตรประกันสุขภาพของยุโรประหว่างที่เข้ามาอาศัยอยู่ชั่วคราวในไอซ์แลนด์ ซึ่งจะได้รับสิทธิการดูแลสุขภาพตามเงื่อนไขและค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกับบุคคลที่อาศัยอยู่ในประเทศไอซ์แลนด์
บุคคลที่มาจากประเทศในเขต EES เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไอซ์แลนด์จะต้องลงทะเบียนเพื่ออาศัยอยู่ และเมื่อพวกเขามีใบอนุญาติให้อาศัยอยู่ได้ในทะเบียนบ้าน ตามกฎหมายเขาจะเข้าสู่ระบบประกันสุขภาพแห่งชาติไอซ์แลนด์โดยอัตโนมัติ แต่พวกเขาต้องใช้ประกันสุขภาพจากประเทศต้นทาง
ยกเว้นบุคคลจากกลุ่มประเทศนอร์ดิก จะได้รับการคุ้มครองประกันสุขภาพของไอซ์แลนด์ในวันที่ยื่นขอที่อยู่ในทะเบียนบ้าน ตามกฎหมายทุกคนที่จะไปทำงานที่ประเทศไอซ์แลนด์จะต้องมีใบอนุญาติเพื่ออยู่อาศัยในฐานะพลเมืองหรือใบอนุญาตทำงานจากประเทศเขต EES
บุคคลทั้งสองประเภทจะมีต้องประกันสุขภาพ หรือสามารถยื่นขอใบรับรอง A1
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องประกันสุขภาพได้จากเว็บไซต์กรมประกันสุขภาพแห่งชาติไอซ์แลนด์ www.sjukra.is
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับใบอนุญาติเพื่ออยู่อาศัยหรือใบอนุญาตทำงานในประเทศไอซ์แลนด์ จากเว็บไซต์ของกรมแรงงาน และกองตรวจคนเข้าเมือง
คณะกรรมการแรงงานwww.vinnumalastofnun.is/en
กองอำนวยการตรวจคนเข้าเมืองwww.utl.is
บุคคลทั่วไปที่ลงทะเบียนในระบบประกันสุขภาพแห่งชาติไอซ์แลนด์หากมีการชำระเงินค่าบริการด้านสุขภาพรักษาพยาบาลเป็นจำนวนเงินสูงสุดคือ 27,475.krต่อเดือน
หรือสำหรับผู้เกษียณอายุ ผู้พิการ และเด็ก 18,317.kr
หลังจากชำระเงินค่าบริการนี้ครบจำนวนสูงสุดแล้วจะไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มในเดือนนี้ และหลังจากนั้นยอดเงินสูงสุดคือ 4,579kr. และ สำหรับเด็ก ผู้สูงอายุวัยเกษียน และผู้พิการคือ3,053kr.
สตรีมีครรภ์จะไม่ต้องจ่ายค่าบริการรักษาพยาบาลระหว่างตั้งครรภ์ ยกเว้นอย่างเดียวคืออัลตร้าซาวด์เมื่ออายุครรภ์ 12 สัปดาห์ ซึ่งจะทำหรือไม่ก็ได้
สถานีอานามัยและอื่น ๆ จะให้บริการฟรีสำหรับเด็กอายุต่ำก่วา 18 ปี ผู้สูงอายุวัยเกษียน คนพิการ และสตรีมีภรรค์
ยาเวชภัณท์จะต้องมีใบสั่งยาโดยแพทย์ หากมีการชำระค่ายาสำหรับบุคลทั่วไปคือจำนวนเงินสูงสุดต่อเดือนคือ 22,000kr. และสำหรับเด็ก ผู้รับบำนาญ คนพิการคือ 14,500kr. ใบสั่งยาจะมีระยะเวลา 12 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม และการมีการชำระค่ายาเป็นจำนวนเงินสูงสุดในช่วงเวลานั้นคือ 62,000 และ 41,000 สำหรับผู้สูงอายุวัยเกษียน คนพิการ และเด็ก เดือนถัดไปจะจ่ายค่าบริการน้อยลง
ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องประกันสุขภาพ
ดูได้ในเว็บไซต์ www.sjukra.is
และรับข้อมูลเพิ่มเติมได้จากแวปไซต์ของสถานีอนามัยทุกแห่ง
https://www.heilsugaeslan.is/um-hh/gjaldskra/?lang=en-us
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริการและดูแลสุขภาพwww.heilsuvera.is
บริการจากสถานีอามัย สถานกายภาพบำบัด และบริการจิตแพทย์จะมีเงินช่วยเหลือค่าบริการจากกรมประกันสุขภาพแห่งชาติไอซ์แลนด์
ด้านทันตกรรมจะบริการฟรีสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี นอกนั้นจะไม่ได้เงินช่วยเหลือจากกองประกันสุขภาพแห่งชาติไอซ์แลนด์ และผู้สูงอายุวัยเกษียนต้องจ่าย 50% ของค่าใช้จ่าย
การใช้บริการคลีนิคนักจิตวิทยาจะไม่มีเงินช่วยเหลือจากกองประกันสุขภาพแห่งชาติไอซ์แลนด์ ยกเว้นการใช้บริการนักจิตวิทยาจากสถานีอนามัยจะไม่เสียค่าบริการ
บุคคลที่มาจากต่างประเทศนอกเขตเศรษฐกิจยุโรป การประกันสุขภาพเป็นหนึ่งในเงื่อนไขหลักในการออกใบอนุญาตอยู่อาศัย เนื่องจากพนักงานชั่วคราวนอกเขต EES ไม่มีประกันสุขภาพในประเทศไอซ์แลนด์จึงจำเป็นต้องยื่นเรื่องขอทำประกันสุขภาพจากบริษัทเอกชน
ด้านล่างนี้คือรายชื่อบริษัทประกันสุขภาพในประเทศไอซ์แลนด์ที่เสนอให้มีการทำประกันสุขภาพชั่วคราว
หรือคุณอาจค้นหาบริษัทประกันสุขภาพจากต่างประเทศที่ได้รับการอนุมัติ
- Sjóvá - https://www.sjova.is/en
- TM - https://www.tm.is/english/
- Vís - https://www.vis.is/en/
- Vörður - https://vordur.is/
หากบุคคลไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากความเจ็บป่วย หรือการบาดเจ็บนอกสถานที่ทำงาน พวกเขาจะต้องมีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือรายวันสำหรับการเจ็บป่วยจากกรมประกันสุขภาพแห่งชาติไอซ์แลนด์
เงินช่วยเหลือสำหรับการเจ็บป่วยจะจ่ายให้เป็นเงินรายวันตามสถานการณ์ โดยจ่ายให้หลังจากการเจ็บป่วยแล้ว 15 วัน หรือจ่ายหลังจากใช้สิทธิ์วันป่วยสะสมจากบริษัทที่ทำงานหมดแล้ว
เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์จากเงินช่วยเหลือรายวันสำหรับการเจ็บป่วย บุคคลต้องมีคุณสมบัติตามเงื่อนไขนี้
- ต้องมีประกันสุขภาพในประเทศไอซ์แลนด์
- ไม่สามารถทำงานได้ติดต่อกันอย่างน้อย 21 วัน
- ต้องทำงานหรือเรียนหนังสือในประเทศไอซ์แลนด์เป็นเวลาหลายเดือนก่อนที่จะป่วยและไม่สามารถทำงานได้
- จะต้องไม่ได้รับเงินใด ๆ จากบริษัทที่ทำงานอีกต่อไป รวมทั้งสวัสดิการเจ็บป่วยด้วย
- จะต้องไม่ได้รับเงินบำนาญเต็มจำนวน เงินคนพิการ เงินผู้ป่วยระยะฟื้นฟูสมรรถภาพ เงินหลังคลอดบุตร หรือเงินคนว่างงาน
- ต้องมีอายุอย่างน้อย 16 ปี
จำนวนเงินช่วยเหลือสำหรับการเจ็บป่วยใน ปี 2020 คือ 1,873kr. ต่อวัน และ 514kr. ต่อวันสำหรับบุตรหนึ่งคนในครอบครัว
หากไม่ได้ทำงานประจำ 100% จะได้รับเงินช่วยเหลือนี้เพียงครึ่งหนึ่ง
กองทุนสุขภาพของสหภาพแรงงานมีหน้าที่จ่ายเงินชดเชยให้กับสมาชิกในกรณีเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุหลังจากการจ่ายค่าจ้างงานจากบริษัทสิ้นสุดลง
นายจ้างจะต้องหักเงินอย่างน้อย 1% จากเงินเดือนเพื่อจ่ายให้กับกองทุนสุขภาพของสหภาพแรงงาน เว้นแต่จะมีการตกลงเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่าในข้อตกลงสัญญาจ้างงาน
เงินเบี้ยเลี้ยงรายวันสำหรับอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยนี้สหภาพแรงงานจะจ่ายให้เป็นเวลา 120 วัน (4 เดือน) และจ่ายไม่สูงกว่า 80% ของเงินเดือนเฉลี่ยที่จ่ายค่าสมาชิกในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
ในกรณีมีบุตรของสมาชิกมีอายุต่ำกว่า 18 ปีหรือมีคู่สมรส สามารถขอรับเงินจากกองทุนประกันสุขภาพได้นานมากขึ้นถึง 90 วัน (3 เดือน) จากกองทุนประกันสุขภาพ
เมื่อครบกำหนดวันลาป่วยจากบริษัทแล้วสามารถขอรับสวัสดิการเจ็บป่วยจากกองประกันสุขภาพแห่งชาติไอซ์แลนด์ และขอจากกองทุนสุขภาพของสหภาพแรงงาน หรือสามารถรับเงินจากASÍ และสหภาพแรงงานได้ในเวลาเดียวกัน
ดูข้อมูลเพิ่มเติมจากแวปไซต์กองทุนสุขภาพของสหภาพแรงงาน ASÍ;
ดูข้อมูลเรื่องเงินช่วยเหลือผุ้ป่วยได้จากแวปไซต์กองประกันสุขภาพแห่งชาติไอซ์แลนด์ Sjúkratrygginga Íslands;
https://www.sjukra.is/english/social-insurance-in-iceland/cash-sickness-benefits/
เงินช่วยเหลือคนว่างงานแบ่งออกเป็นสองขั้นตอนคือ
เงินช่วยเหลือตามอัตราขั้นต่ำที่กำหนดไว้และรายได้
เงินช่วยเหลือตามอัตราขั้นต่ำที่กำหนดไว้เบื้องต้นจะจ่ายให้ 10 วัน หลังจากนั้นจ่ายเงินช่วยเหลือโดยคิดบางส่วนจากรายได้เงินเดือนที่เคยทำงานและจ่ายให้ไม่เกินสามเดือน ต่อจากนั้นจะได้เงินช่วยเหลือเป็นรายเดือนโดยการจ่ายแบบเงินช่วยเหลือตามอัตราขั้นต่ำที่กำหนดไว้
คุณสมบัติของคนที่จะได้รับเงินช่วยเหลือว่างงาน
- ไม่มีงานทำ
- อาศัยอยุ่ในทะเบียนบ้านประเทศไอซ์แลนด์และได้รับการรับรองยืนยันภายในประเทศ
- มีความสามรถจะทำงานได้
- มีความพร้อมที่จะทำงาน
จำนวนเงินช่วยเหลือ - เงินช่วยเหลือคนว่างงานขั้นพื้นฐาน (1 มกราคม 2564)
- 307,430kr. ต่อเดือน (100%)
- 230,572kr. ต่อเดือน (75%)
- I153,715kr. ต่อเดือน (50%)
- 76,857kr. ต่อเดือน (25% - สิทธิ์ขั้นต่ำ)
และ 18,445kr.ต่อเดือน/คน จ่ายเพิ่มให้ครอบครัวที่มีบุตรอายุต่ำกว่า 18 ปี
จำนวนเงินช่วยเหลือคนว่างงานสูงสุดคือ 473.835 kr.ต่อเดือน
ข้อมูลเพิ่มเติมและเพื่อขอรับเงินคนว่างงาน
https://www.vinnumalastofnun.is/en/unemployment-benefits
สิ่งสำคัญสำหรับชาวต่างชาติที่ไม่มีหมายเลขประจำตัวถาวรในไอซ์แลนด์ต้องติดต่อกับกรมแรงงานก่อนเป็นกรณีพิเศษก่อนที่จะได้รับเงินช่วยเหลือ
ความช่วยเหลือทางสังคมและการเงินในประเทศไอซ์แลนด์ส่วนใหญ่มาจากเทศบาล ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับว่าคุณอาศัยอยู่ในเขตเทศบาลใด ซึ่งอาจจะปรึกษาเรื่องสังคมและเรื่องการเงิน และรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิ์ประโยชน์อื่น ๆ และวิธีการใช้สิทธิ์ต่าง ๆ
ความช่วยเหลือทางการเงิน
ในสถานการณ์ที่บุคคลต้องการความช่วยเหลือทางการเงินสามารถขอความช่วยเหลือจากเทศบาลของตนได้ ตามกฎหมายของประเทศไอซ์แลนด์จะคุ้มครองให้ความช่วยเหลือทางการเงินเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้ครอบครัวหรือบุคคลตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากขัดสนทางการเงินและไม่สามารถจัดการกับการเงินของตนเองได้ ความช่วยเหลือทางการเงินขึ้นอยู่กับเทศบาลที่แต่ละคนอาศัยอยู่ ดูข้อมูลได้ที่ City of Reykjavíkบนเว็บไซต์
https://reykjavik.is/thjonusta/fjarhagsadstod
เงินช่วยเหลือสำหรับที่อยู่อาศัย
ในประเทศไอซ์แลนด์สำนักงานการเคหะและวิศวกรรมโยธามีหน้าที่ดูแลเรื่องที่อยู่อาศัย เงินช่วยเหลือสำหรับที่อยู่อาศัย คือ เงินรายเดือนเพื่อช่วยเหลือผู้เช่าบ้าน
เงื่อนไขการขอเงินช่วยเหลือเพื่อที่อยู่อาศัย
- ผู้ขอจะต้องมีชื่ออาศัยอยู่ในทะเบียนบ้านตามกฎหมาย
- ต้องมีอายุครบ 18 ปี
- ที่พักต้องมีห้องนอนอย่างน้อย 1 ห้อง ห้องครัวแยกเป็นสัดส่วน และห้องน้ำส่วนตัว
- ต้องมีสัญญาเช่าที่ได้รับการรับรองจากอำเภอเป็นเวลาอย่างน้อยสามเดือน
- ต้องอนุญาติให้ตรวจสอบข้อมูลได้
บ้านเช่าของเทศบาลหรือบ้านหลวง
บุคคลหรือครอบครัวที่ต้องการที่อยู่อาศัยเป็นการเร่งด่วน สามารถขอความช่วยเหลือโดยการยื่นคำร้องขอบ้านเพื่ออยู่อาศัยจากเทศบาลที่อาศัยอยู่ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบ้านและที่อยู่อาศัย
https://island.is/en/social-assistance-housing
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความช่วยเหลือทางสังคม
ดูได้ที่เว็บไซต์ของเทศบาลหรือติดต่อศูนย์บริการของเทศบาล
ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในไอซ์แลนด์จะมีสิทธิ์ในการเข้าถึงและใช้บริการทุกอย่างเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ในประเทศไอซ์แลนด์
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการช่วยเหลือทางการเงิน:https://www.mcc.is/finance/financial-support/
- วีดีโอ
- ค่าจ้างขั้นต่ำ
- ประเภทของภาษี อะไรบ้างที่เราต้องจ่ายภาษี ?
- ส่วนลดภาษีรายได้บุคคคลธรรมดา
- ภาษีและจำนวนเงินรายได้
ค่าจ้างขั้นต่ำ คือ จำนวนเงินค่าจ้างขั้นต่ำที่นายจ้างจะต้องจ่ายเงินนี้ให้กับลูกจ้างที่ทำงานในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ในประเทศไอซ์แลนด์ค่าจ้างขั้นต่ำจะขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรองระหว่างสหภาพแรงงานและนายจ้าง ดังนั้นจึงอาจมีอัตราราคาค่าจ้างที่แตกต่างกันไประหว่างวิชาชีพและสหภาพแรงงาน
ค่าจ้างขั้นต่ำของแต่ละอาชีพจะขึ้นอยู่กับ ;
- งานที่ทำ
- การศึกษาของพนักงาน
- ประสบการณ์ของพนักงาน
- ปัจจัยอื่น ๆ
ถึงแม้ว่าจะมีข้อตกลงเรื่องค่าจ้างที่แตกต่างกันระหว่างสหภาพแรงงานและนายจ้าง แต่อาชีพส่วนใหญ่จะใช้ข้อตกลงค่าจ้างขั้นต่ำระหว่างสหภาพแรงงานที่ใหญ่ที่สุดและสมาพันธ์นายจ้างแห่งประเทศไอซ์แลนด์
สำหรับบุคคลอายุ 18 ปีขึ้นไปได้ทำงานมานานกว่า 4 เดือนให้กับนายจ้างหรือบริษัทเดียวกัน จะทำข้อตกลงเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับพนักงานประจำคือ (ทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)
Maí 2021 - 351.000 kr.
Maí 2022 - 368.000 kr.
ค่าจ้างขั้นต่ำจะถือเป็นโมฆะ หากมีการคิดค่าแรงที่ไม่ถูกต้องและต่ำกว่าเกณท์ที่กำหนดไว้ในกฏข้อตกลงค่าจ้างของสหภาพแรงงาน
ชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศไอซ์แลนด์จะต้องได้รับสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับพนักงานคนอื่น ๆ ในประเทศไอซ์แลนด์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำและเรื่องอื่น ๆ เช่น ค่าจ้างค่าทำงานล่วงเวลาโอที เรื่องการจ่ายเงินค่าจ้างหากต้องทำงานในวันหยุด ชั่วโมงทำงานสูงสุด และระยะเวลาพักผ่อน
ภาษีในประเทศไอซ์แลนด์
ทุกคนที่ทำงานในประเทศไอซ์แลนด์จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยจะมีสองหน่วยงานที่เรียกเก็บคือภาษีของรัฐบาลและภาษีของเทศบาล อัตราภาษีและข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องภาษี จะดูได้ในเว็บไซต์กรมสรรพากรและภาษีเทศบาล
ภาษีรายได้โดยทั่วไปจะหักจากเงินเดือนของทุกเดือนที่เราทำงาน เพื่อรัฐบาลจะใช้เป็นงบประมาณในการช่วยเหลือประชาชนด้านต่าง ๆ เช่น
- เงินช่วยเหลือเมื่อเจ็บป่วย อุบัติเหตุ การคลอดบุตร การรักษาพยาบาล ฯลฯ
- เงินบำเน็จ บำนาญ เกษียณอายุ
- เงินช่วยเหลือสำหรับคนว่างงาน
- อุบัติเหตุจากการทำงาน
- การศึษาและฝึกอบรมวิชาชีพ
ภาษีทั้งหมดจะแสดงในสลิปเงินเดือนของแต่ละเดือน สิ่งสำคัญคือต้องเก็บสลิปเงินเดือนไว้อย่างน้อยหนึ่งปีเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นแบบเสียภาษีรายได้บุคคลธรรมดา
ในประเทศไอซ์แลนด์ทุกคนจะได้รับส่วนลดภาษีส่วนบุคคล ซึ่งในแต่ละเดือนหากไม่มีการใช้ส่วนลดนี้จะถูกเก็บเป็นยอดสะสมระหว่างปีได้ โดยจะเริ่มต้นนับยอดส่วนลดที่ศูนย์ทุกเดือนมกราคม
ส่วนลดภาษีส่วนบุคคลในปี 2021 คือ 50,792kr. ต่อเดือน
- ส่วนลดภาษีส่วนบุคคลจะเป็นแบบดิจิทัล
- ลูกจ้างจะต้องอนุญาตให้สิทธิ์นายจ้างหักภาษีของตน
- สามารถใช้ส่วนลดภาษีร่วมกับคู่สมรสได้ (แต่งงานหรือจดทะเบียนอาศัยอยู่ร่วมกัน-ซัมปูด)
วิดีโอเกี่ยวกับส่วนลดภาษีส่วนบุคคล:
ดูข้อมูลเกี่ยวกับส่วนลดภาษีส่วนบุคคลได้ในเว็บไซต์
การสรรพากร www.skattur.is
ในการเข้าสู่ระบบเว็บไซต์ทุกคนจะต้องมีรหัสอิเล็กทรอนิกส์หรือรหัสเว็บกรมสรรพากร www.skattur.is
ระดับรายได้และการคิดภาษีในประเทศไอซ์แลนด์ ปี 2021
ระบบการหักภาษีของประเทศไอซ์แลนด์แบ่งออกเป็น 3 ระดับ :
รายได้ 0-340,018 kr. หักภาษี 31.45% ของเงินเดือน.
รายได้ 349,019 - 979,847 kr. หักภาษี 37.95% ของเงินเดือน
รายได้มากกว่า 979,847 kr. หักภาษี 46.25% ของเงินเดือน
บุคคลที่ทำงาน 2 แห่ง หากมีรายได้ต่อเดือนจากแต่ละแห่งสูงกว่า 336,916 kr. จะต้องคำนวณภาษีเงินได้ในระดับที่สูงขึ้นตามจำนวนเงินรายได้นั้น
การยื่นแบบเสียภาษีรายได้บุคคลธรรมดา จะต้องยื่นแบบแสดงรายการปีละครั้งโดยปกติจะทำในเดือนมีนาคมของทุกปี
ปัจจัยสำคัญที่ควรทราบ:
- การส่งใบยื่นแบบเสียภาษีทำได้ทางออนไลน์ผ่าน skattar.is
- คุณต้องมีรหัสอิเล็กทรอนิกส์หรือรหัสเว็บไซต์
- คุณยื่นเรื่องขอเลื่อนเวลาส่งภาษีได้หากทำส่งไม่ทันตามกำหนด
รายได้ที่ต้องเสียภาษี:
- การรับชำระเงินด้วยเงินสด
- เงินเดือน
- ค่าธรรมเนียม
- เงินช่วยเหลือรายวันสำหรับผู้ป่วย
- สิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่เราใช้ส่วนตัวจากสวัสดิการบริษัท เช่นบ้านพักบริษัท รถบริษัท
บุคคลที่อาศัยอยู่ในประเทศไอซ์แลนด์เป็นเวลาน้อยกว่า 6 เดือนในระยะเวลา 12 เดือน จะมียอดเสียภาษีตามจำนวนที่จำกัดตามกฏหมายระบุไว้
- วีดีโอ
- ข้อมูลแนะนำเกี่ยวกับสหภาพแรงงาน
- บทบาทของสหภาพแรงงานในตลาดแรงงาน
- การให้บริการแก่สมาชิก
- ข้อตกลงร่วมและการเจรจาต่อรอง
- ข้อมูลเกี่ยวกับสหภาพแรงงาน
- ตัวแทนของบริษัท
- สถาบันและองค์กรสำคัญอื่น ๆ
สหภาพแรงงานในประเทศไอซ์แลนด์นับว่ามีบทบาทและสำคัญในมากตลาดแรงงาน โดยเฉลี่ยร้อยละ 85 ของแรงงานจะต้องเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานแห่งใดแห่งหนึ่ง
สหภาพแรงงานใช่ว่าจะมีส่วนร่วมในข้อตกลงเรื่องค่าจ้างเท่านั้น แต่สหภาพแรงงานยังมีแผนกให้คำแนะนำด้านกฎหมาย และเพิ่มคุณค่าแรงงานโดยการเสริมสร้างสมรรถภาพเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดแรงงาน รวมถึงให้ทุนการศึกษา ให้เงินสนับสนุนค่าบริการทางการแพทย์เช่นกายภาพบำบัด เงินชดเชยการซื้อแว่นตา บ้านพักตากอากาศ-บ้านซัมเมอร์ และอื่น ๆ (แตกต่างกันในแต่ละสหภาพแรงงาน)
สหภาพแรงงานหลักในประเทศไอซ์แลนด์มี 4 แห่ง
- BSRB
- ASÍ
- Kennarasamband Íslands สมาคมครูแห่งไอซ์แลนด์
- Bandalag Háskólamenntaðra สมาคมนิสิตของมหาวิทยาลัย
ยังมีสหภาพแรงงานอื่นอีกจำนวนมากในประเทศไอซ์แลนด์ และการเป็นสมาชิกของสหภาพฯนั้นมักจะขึ้นอยู่กับลักษณะการจ้างงาน อาชีพ หรือการศึกษาของแต่ละบุคคล
สหภาพแรงงานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ คือ VR และ Efling ทั้งสองสหภาพแรงงานนี้จะไม่มีกฏหรือข้อกำหนดพิเศษใด ๆ สำหรับแรงงานเป็นรายบุคคลไม่ว่าจะเป๋นเรื่องการจ้างงานหรือการศึกษา
บทบาทหลักของสหภาพแรงงานในตลาดแรงงาน ได้แก่
- การกำหนดกฏเกี่ยวกับสิทธิแรงงานของลูกจ้าง
- การเจรจากับนายจ้าง
- ข้อตกลงการเจรจาต่อรองร่วมเรื่องค่าแรงงานและอื่นๆ
- ให้คำแนะนำด้านกฎหมายแรงงาน และการสร้างความตื่นตัวของแรงงาน
สหภาพแรงงานจะให้บริการรอบด้านแก่สมาชิก โดยสมาชิกควรติดต่อสหภาพฯเพื่อขอความช่วยเหลือในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตลาดแรงงาน
สหภาพแรงงานจะให้บริการ หรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับ
- สิทธิของแรงงาน
- ปรึกษาปัญหาและขั้นตอนด้านกฎหมาย
- ความช่วยเหลือทางกฎหมาย
- ความช่วยเหลือด้านการบริหาร
- การฝึกอบรม
- กิจกรรมเพื่อสังคมและเงินกองทุน
อย่างไรก็ตามบริการของแต่ละสหภาพแรงงานนั้นจะแตกต่างกันออกไป สมาชิกสามารถติดต่อเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมหรืออ่านบนเว็บไซต์ของสหภาพแรงงานนั้น ๆ ได้
อย่างไรก็ตามสหภาพแรงงานส่วนใหญ่จะให้ความช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่ายในเรื่องการศึกษาและการดูแลสุขภาพ
ในการเจรจาต่อรองร่วมกันของตัวแทนจากสหภาพแรงงานและนายจ้างจะต้องเจรจาเรื่องค่าจ้าง ชั่วโมงการทำงาน วันหยุด โบนัส ฯลฯ
เนื่องจากสหภาพแรงงานเป็นผู้รับผิดชอบการเจรจาข้อตกลง และในแต่ละสหภาพแรงงานอาจมีข้อตกลงบางเรื่องที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่ลูกจ้างจะต้องทราบว่าตนเองเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานใด
อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ต้องระวังคือถ้าหากลูกจ้างที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานจะต้องได้รับความคุ้มครองตามข้อตกลงค่าจ้างในเรื่องความปลอดภัยของสถานที่ทำงาน และหากสัญญาการจ้างงานทั้งหมดที่ไม่ได้มาตรฐานตามเงื่อนไขสิทธิและค่าจ้างขั้นต่ำจะถือว่าสัญญาจ้างงานนี้โมฆะ
สหภาพแรงงานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์คือ Efling และ VR สหภาพทั้งสองแห่งนี้จะเหมือนกันตรงที่สมาชิกไม่จำเป็นต้องเรียนจบสายวิชาชีพ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสหภาพแรงงานได้ในเว็บไซต์ หรือติดต่อทางโทรศัพท์ ในเว็บไซต์จะมีข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิพื้นฐานตามข้อตกลงค่าจ้างขั้นต่ำในปัจจุบัน เงินกองทุน และเงินช่วยเหลือด้านต่าง ๆ ที่มีสิทธิ์เบิกคืน
VR เป็นสหภาพแรงงานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์และในเว็บไซต์จะมีข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิด้านต่าง ๆ เครื่องคำนวณ เงินเดือนค่าจ้าง เงินช่วยเหลือ เงินทุน และข้อมูลการติดต่อ www.vr.is
Efling เป็นสหภาพที่ใหญ่เป็นอันดับสอง โดยสมาชิกส่วนใหญ่จะเป็นแรงงานชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งสมาชิกจะค้นหาข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับสิทธิและข้อตกลงเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำของแต่ละอาชีพบนเว็บไซต์ของสหภาพฯ ได้ในภาษาไอซ์แลนด์ ภาษาอังกฤษ และภาษาโปแลนด์ www.efling.is
บริษัททุกแห่งในประเทศไอซ์แลนด์ควรมีตัวแทนเพื่อทำหน้าที่ประสานงานระหว่างสหภาพแรงงานและบริษัท
บริษัทที่มีพนักงานตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ต้องมีตัวแทนอย่างน้อย 1 คน และหากมีพนักงานมากกว่า 50 คน ต้องมีตัวแทนอย่างน้อย 2 คน
บทบาทและหน้าที่ของตัวแทน คือ การเป็นตัวแทนของพนักงานเพื่อแจ้งเรื่องเกี่ยวกับปัญหาภายในบริษัท อย่างไรก็ตามบทบาทและหน้าที่นี้จะแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับสหภาพแรงงานที่สังกัด
บทบาทและหน้าที่ของตัวแทนซึ่งพบบ่อยที่สุด ได้แก่
ตรวจสอบว่านายจ้างละเมิดข้อตกลงเรื่องค่าจ้างที่สหภาพแรงงานและนายจ้างทำขึ้นหรือไม่และหาทางแก้ไขหากนายจ้างละเมิดสิทธิของลูกจ้าง
- มีความรู้เกี่ยวกับข้อตกลงเรื่องค่าจ้าง และประเด็นที่ต้องตรวจสอบอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับข้อตกลงเหล่านี้
- เป็นตัวแทนของพนักงานคนอื่น ๆ ในการสื่อสารกับนายจ้างและแจ้งปัญหาของพวกเขา
- แสดงความยินดีต้อนรับพนักงานใหม่เข้าสู่บริษัท แจ้งสิทธิของพวกเขา สหภาพแรงงาน และสถานที่ต่าง ๆ พวกเขาสามารถขอความช่วยเหลือได้
กรมแรงงาน
กรมแรงงานจะรับผิดชอบเรื่องต่าง ๆ ในตลาดแรงงาน
และมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องจ่ายเงินช่วยเหลือคนว่างงานตกงานและมีบริการช่วยเหลือบริษัทด้วย
นอกจากนี้ยังดำเนินการด้านกองทุนเพื่อลาคลอดบุตร และกองทุนประกันค่าจ้าง ออกใบอนุญาตทำงานให้กับแรงงานที่มาจากประเทศนอกเขต EES ตรวจสอบกิจกรรมของการจัดหาพนักงานชั่วคราว และตรวจสอบบริษัทต่างชาติที่ส่งพนักงานเข้ามาทำงานในประเทศไอซ์แลนด์เป็นการชั่วคราว
กรมแรงงานเป็นสมาชิกของ EURES
European employment services องค์กรบริการจัดหางานในยุโรป
กรมแรงงานจะมีหน้าที่ประสานงานกับองค์กรบริการจัดหางานในเขตเศรษฐกิจยุโรป บทบาทของ EURES คือการส่งเสริมการโยกย้ายแรงงานระหว่างประเทศต่าง ๆ ภายใน EES
ในแวปไซต์ของกรมแรงงานจะมีข้อมูลที่หลากหลายเพื่อบริการคนที่กำลังหางานทำได้แก่ ภาษา การศึกษา หรือฝึกอบรม ทุนการศึกษา และการฝึกงาน ประเภทงานที่ต้องการค้นหา และงานอื่นๆที่เสนอให้กับกลุ่มแรงงานที่เหมาะสม คำแนะนำในการหางาน ข้อมูลสิทธิ์พื้นฐานของแรงงาน ภาระหน้าที่ของผู้หางาน ภาพรวมของงานที่กำลังโฆษณาในประกาศหาคนงาน และอื่น ๆ
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในแวปไซต์เป็นภาษาไอซ์แลนด์ ภาษาอังกฤษ และภาษาโปแลนด์
Alþýðusamband Íslands (ASÍ) สมาพันธ์แรงงาน ประกอบด้วยสหภาพแรงงาน 47 แห่ง จากหลากหลายบริษัทภาคอุตสาหกรรมและมีบทบาทสำคัญในตลาดแรงงาน
2/3 ของสหภาพแรงงานจะเป็นสมาชิก ASÍ
สหภาพแรงงานและกรมตรวจสอบแรงงานจะทำงานร่วมกันเพื่อตรวจสอบบริษัทซึ่งมักจะมีแรงงานผิดกฎหมาย หรือจ้างงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน
ASÍจะมีส่วนกดดันให้รัฐบาลปรับปรุงการดูแลและปรับเปลี่ยนกฎหมายให้เข้มงวดมากขึ้น เพื่อต่อต้านการจ้างงานที่ผิดกฎหมายและการละเมิดแรงงานต่างชาติในประเทศไอซ์แลนด์
ดูข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิด้านต่าง ๆ ของตลาดแรงงาน ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลงร่วมเรื่องค่าจ้างงาน การวิจัยสำรวจ และเรื่องอื่น ๆ ได้ในแวปไซต์ ซึ่งจะมีข้อมูลเป็นภาษาไอซ์แลนด์ ภาษาอังกฤษและ ภาษาโปแลนด์ www.asi.is
- วีดีโอ
- ความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน
- อุบัติเหตุในที่ทำงาน
- ขอข้อมูลจากองค์กรที่เกี่ยวข้องได้ที่นี่
- เวลาทำงานหรือเวลาพักผ่อนคืออะไร
- วันหยุดราชการ วันหยุดพิเศษนขัตฤกษ์และวันหยุดฤดูร้อน
- เจ็บป่วยและลาป่วย
- การพัฒนาฝีมือแรงงานเป็นอย่างไร
ความปลอดภัยในที่ทำงานเป็นสิทธิและหน้าที่ของทั้งลูกจ้างและนายจ้างที่ต้องได้รับไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรม บริษัท ห้างร้าน และอื่น ๆ
กฎหมายแรงงานจะต้อง ;
- ดูแลสภาพแวดล้อมในที่ทำงานให้ปลอดภัยและถูกสุขอนามัย ซึ่งต้องสอดคล้องกับวิวัฒนาการทางสังคมและเทคโนโลยี
- ตรวจสอบเงื่อนไขกฎและข้อบังคับ
ที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยภายในสถานที่ทำงาน
สถานที่ทำงานทุกแห่งควรมีเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยที่ได้รับการเลือกตั้งโดยมีบทบาทร่วมกับนายจ้างคือการตรวจสอบว่าสิ่งแวดล้อม สุขอนามัย และความปลอดภัยในสถานที่ทำงานให้เป็นไปตามกฎหมาย
ในบริษัทหรือสถานที่ทำงานที่มีพนักงาน 1- 9 คนจะเป็นหน้าที่ของนายจ้างที่ต้องทำหน้าที่ดูแลด้านความปลอดภัย
ในบริษัทหรือสถานที่ทำงานที่มีพนักงาน 10 คนขึ้นไปพนักงานจะต้องมีเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัย 2 คน
โดยนายจ้างเลือกหนึ่งคนและอีกหนึ่งคนจะเลือกโดยพนักงาน
บริษัทที่มีพนักงานมากกว่า 50 คน จะต้องจัดตั้งคณะกรรมการความปลอดภัยในองค์กร ส่วนสำคัญของการวัดระดับความปลอดภัย คือต้องกรอกแบบฟอร์มรายงานต่าง ๆ ให้กับฝ่ายบริหารความปลอดภัยและสุขอนามัยเป็นประจำ
นายจ้างต้องกรอกแบบฟอร์มเป็นประจำ เนื่องจากหากเกิดอุบัติเหตุ เจ็บป่วย หรือบาดเจ็บในที่ทำงาน แบบฟอร์มนี้จะสำคัญมากสำหรับเรื่องการประกันภัย
นายจ้างมีหน้าที่ดูแลจัดทำมาตรการและดำเนินการประเมินความเสี่ยงเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในที่ทำงานสำหรับสตรีมีครรภ์ หรือสตรีหลังคลอดบุตร และสตรีที่อยู่ในช่วงระยะเวลาให้นมบุตร ซึ่งนายจ้างจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและป้องกันผลกระทบเพื่อลดความเสี่ยงต่อทารกและมารดา
นายจ้างต้องดูแลและใช้มาตรการพิเศษเพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานถูกกลั่นแกล้งรังแกในที่ทำงาน
และจัดการกับปัญหาการล่วงละเมิด หรือพฤติกรรมน่ารังเกียจด้านอื่น ๆ ที่สังคมไม่สามารถยอมรับได้
ตามกฎหมายแรงงาน พนักงานทุกคนที่ต้องลาป่วยเนื่องจากอุบัติเหตุในที่ทำงานหรือระหว่างเดินทางไป-กลับทำงาน หรือได้รับความเจ็บป่วยอันมีสาเหตุจากการทำงาน จะต้องมีสิทธิ์ได้รับค่าจ้างเป็นเวลาอย่างน้อยสามเดือนตามอัตราค่าจ้างที่ตกลงกันในสัญญาการจ้างงาน
กองตรวจสอบแรงงาน
มีหน้าที่ดูแลให้นายจ้างปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน
หากลูกจ้างต้องการรายงานเรื่องความปลอดภัยในการทำงาน สามารถติดต่อหรือส่งข้อเสนอแนะผ่านทางเว็บไซต์
https://www.vinnueftirlit.is/hafa-samband/
หรือติดต่อขอความช่วยเหลือจากสหภาพแรงงานของคุณ เพื่อปรึกษาปัญหาส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับที่ทำงานและพวกเขาจะแนะนำคุณไปยังองค์กรที่เหมาะสมเพื่อแก้ปัญหานั้น ๆ
ชั่วโมงการทำงานขึ้นอยู่กับข้อตกลงค่าแรงงานของสหภาพแรงงานและนายจ้าง(หรือสมาพันธ์นายจ้างไอซ์แลนด์) ชั่วโมงการทำงานจึงต้องเป็นไปตามระบบที่สอดคล้องกับค่าจ้างขั้นต่ำ บุคคลภายนอกสหภาพแรงงานก็มีสิทธิเช่นเดียวกันภายใต้ข้อตกลงร่วมของสมาพันธ์ฯ ซึ่งมีกฏและข้อตกลงอาจแตกต่างกัน
สำหรับบุคคลที่ทำงานในอุตสาหกรรมบางประเภท(คนขับรถ คนงาน ฯลฯ) ดูข้อมูลได้จากเว็บไซต์ของสหภาพแรงงาน หรือปรึกษาเพื่อขอความช่วยเหลือจากตัวแทนสหภาพฯ
กำหนดเวลาชั่วโมงการทำงาน
ชั่วโมงการทำงานสูงสุด
โดยปกติชั่วโมงการทำงานไม่ควรเกิน 16 ชั่วโมงต่อวันดังนั้นจึงไม่อนุญาตให้จัดทำตารางชั่วโมงการทำงานที่นานกว่า 13 ชั่วโมงต่อวัน
ชั่วโมงการทำงานสูงสุดต่อเดือน
โดยทั่วไปเวลาทำงานในช่วงกลางวันคือ 8 ชั่วโมงต่อวัน
40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
หรือ 173.33 ชั่วโมงต่อเดือน
อย่างไรก็ตามข้อตกลงหรือเงื่อนไขเรื่องเวลางานนี้จะเปลี่ยนแปลงได้ตามสาขาอาชีพ ซึ่งบางอาชีพอาจปรับลดสัปดาห์การทำงานให้สั้นลง
การพักผ่อนขั้นต่ำต่อวัน
กฎทั่วไปเกี่ยวกับการพักผ่อนขั้นต่ำคือ 11 ชั่วโมงต่อวัน
แต่อาจมีการปรับเปลี่ยนข้อตกลงค่าจ้างสำหรับบางสาขาอาชีพ เช่น ผู้เชี่ยวชาญ ช่างฝีมือ นอกจากนี้ยังมีกฎพิเศษสำหรับเด็กและเยาวชน
ถ้าหากไม่ได้พักผ่อนอย่างน้อย 11 ชั่วโมงต่อวัน ตามกฏข้อตกลงร่วมของกฏหมายแรงงานเรื่องระยะเวลาพักผ่อนขั้นต่ำ จะต้องได้รับวันหยุดชดเชย หรือได้รับการจ่ายเงินค่าแรงเพิ่มในเงินเดือนถัดไป
การพักผ่อนขั้นต่ำรายสัปดาห์
ชั่วโมงการทำงานล่วงเวลาโอทีสูงสุดของพนักงานต่อสัปดาห์ไม่ควรเกิน 28 ชั่วโมงโดยเฉลี่ยในแต่ละเดือน
แต่ตามข้อตกลงบางอย่างสามารถคำนวณชั่วโมงการทำงานได้จาก 6 เดือนที่ผ่านมา
หากมีเหตุผลพิเศษหรือเนื่องจากทำงานตามสถานการณ์ สามารถคำนวณชั่วโมงการทำงานสูงสุดได้จากระยะเวลาสูงสุด 12 เดือน
การทำงานล่วงเวลาโอที
กฎสำหรับการทำงานล่วงเวลาจะแตกต่างกันระหว่างข้อตกลงค่าจ้างและสัญญาจ้างงาน โดยจะจ่ายค่าล่วงเวลาโอทีเมื่อ:
- ชั่วโมงการทำงานมากกว่าชั่วโมงทำงานปกติในตอนกลางวัน
- หากพนักงานทำงานเกินจำนวนวันทำงานปกติต่อเดือน
- หากพนักงานต้องทำงานในช่วงเวลาอาหารและ / หรือชั่วโมงกาแฟในช่วงกลางวัน
วิธีคำนวณค่าล่วงเวลาโอทีจะขึ้นอยู่กับข้อตกลงค่าจ้างและเวลาโอทีจะขึ้นอยู่กับวัน สัปดาห์ หรือเดือน
ลูกจ้างจะต้องตระหนักด้วยว่านายจ้างบางคนไม่อนุญาตให้ทำงานล่วงเวลาโอที ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ลูกจ้างจะต้องตระหนักถึงสัญญาจ้างงานของตน หากลูกจ้างไม่ได้รับค่าจ้างล่วงเวลาโอที อาจจะได้รับเป็นวันหยุดงานแทนได้
ปฏิทินการทำงาน
ปฏิทินการทำงานของสถานที่ทำงานควรแสดงให้ลูกจ้างรับรู้ และต้องแสดงล่วงหน้าอย่างน้อย 4 สัปดาห์ และหากมีการเปลี่ยนแปลงปฏิทินงานควรแจ้งล่วงหน้า 4 สัปดาห์
วันหยุดนักขัตฤกษ์
ลูกจ้างที่ไม่ได้ทำงานแบบเข้ากะ โดยทั่วไปมีสิทธิได้พักร้อนในวันหยุดพิเศษ เว้นแต่จะทำข้อตกลงกันระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง
ลูกจ้างที่ทำงานแบบเข้ากะจะต้องได้รับเงินพิเศษสำหรับการทำงานในวันหยุดของเขา
ในวันหยุดราชการหรือวันหยุดพิเศษจะมีการจ่ายค่าล่วงเวลาโอทีตามชั่วโมงที่ทำงาน
วันหยุดฤดูร้อน
ลูกจ้างทุกคนมีสิทธิลาพักร้อน โดยตกลงกับนายจ้างว่ามีสิทธิลาพักร้อนเมื่อใดและจะรับเงินวันหยุดพร้อมเงินเดือนทุกเดือน หรือจะให้นายจ้างฝากเงินแบบบัญชีพิเศษออรอฟเพื่อรอใช้เงินนี้ในเวลาหยุดงานพักร้อน
จำนวนวันหยุดงานตามกฎหมายคือ 24 วันต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับ 4 สัปดาห์ และ 4 วัน โดยนับเฉพาะวันจันทร์ถึงวันศุกร์
อย่างไรก็ตามอาจมีการเปลี่ยนแปลงและแตกต่างกันไปตามข้อตกลงในสัญญาค่าจ้าง และถือว่าเป็นเรื่องปกติที่ลูกจ้างอาวุโสทำงานกับบริษัทมานานจะได้รับสิทธิในวันหยุดเพิ่มขึ้น
กฎหลักสำหรับความเจ็บป่วยคือลูกจ้างที่เจ็บป่วยต้องได้รับเงินค่าจ้างเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ขาดงาน
ในช่วงแรกของการเจ็บป่วย ลูกจ้างจึงควรได้รับเงินเดือนเท่ากับตอนที่เคยทำงาน จำนวนวันลาป่วยตามกฎหมายจะมีสิทธิขั้นต่ำคือ 2 วันต่อเดือน
ลูกจ้างอาวุโสที่ทำงานมานานจะมีวันลาป่วยมากขึ้นเนื่องจากพวกเขาอยู่กับบริษัทนานกว่า
นอกจากนี้สิ่งสำคัญสำหรับลูกจ้างต้องทราบคือหากป่วยในวันหยุดราชการ จะได้รับวันหยุดพิเศษชดเชยเป็นการตอบแทน
การเจ็บป่วยของบุตร ผู้ปกครองจะมีสิทธิลาได้ตามข้อตกลงในสัญญาจ้าง ตามกฏคือผู้ปกครองของเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี ที่ป่วย หรือ เด็กอายุไม่เกิน 16 ปี ที่เจ็บป่วยด้วยโรคประจำตัวรุนแรงจะมีวันลาป่วยบุตร 2 วันต่อเดือน โดยสิทธิ์วันลาป่วยบุตรนี้จะนับจากวันแรกที่ผุ้ปกครองเริ่มทำงานกับบริษัทจนถึง 6 เดือนจึงจะมีสิทธิ์ลาป่วยบุตรได้ 2 วัน หลังจากนั้นจะได้วันลาป่วยบุตรเพิ่มอีกเดือนละ 1 วัน หรือ (ปีแรกที่ทำงานจะได้ 8 วัน ปีต่อไปได้ 12 วันต่อปี) สิทธิวันลาป่วยของบุตรนี้ไม่ขึ้นอยู่กับสิทธิการเจ็บป่วยของผู้ปกครองและจะไม่ถูกหักออกจากสิทธิวันลาป่วยของผู้ปกครองด้วย
การลาเพื่อการศึกษาและการลางานโดยไม่รับค่าจ้างจะแตกต่างกันไปตามข้อตกลงในสัญญาค่าจ้างที่ต้องตกลงร่วมกันกับนายจ้างก่อนเสมอ และลูกจ้างส่วนใหญ่มีสิทธิ์ได้รับใบอนุญาตดังกล่าว สหภาพแรงงานส่วนใหญ่จะช่วยเหลือสมาชิกทางการเงินโดยการจ่ายคืนเงินค่าการศึกษาผ่านกองทุนการศึกษาของสหภาพแรงงาน